ทำความรู้จักกับแหล่งมาของแคลเซียมที่มีคุณภาพ
เราทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วถึงสรรพคุณของสารอาหารที่ร่างกายต้องการ แคลเซียม ว่าเป็นส่วนสำคัญของร่างกายอย่างไร เพราะด้วยแคลเซียมเป็นสิ่งที่ร่างกายมีส่วนประกอบอยู่ทั่วร่างกายมากถึง 55% ไม่เพียงมีประโยชน์หรืออยู่แค่กระดูกและฟันเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วแคลเซียมอยู่ต่างส่วนต่างๆ เช่น ระบบเลือด กล้ามเนื้อและระบบประสาทอีกด้วย
แคลเซียม เหมือนกันทุกที่ไหนหรือไม่ ทำไมต้องใส่ใจแหล่งที่มาของแคลเซียม
แคลเซียมปัจจุบันเราสามารถได้รับแร่ธาตุได้จากช่องทางหลากหลาย โดยแหล่งที่มาหลากหลาย โดยปัจจุบันมีที่นิยมอยู่ 2 แหล่งที่มาได้แก่
- แคลเซียมจากอาหาร
- แคลเซียมสกัดจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
แคลเซียมจากแหล่งอาหาร
แคลเซียมเหล่านี้หมายถึง เราสามารถได้รับมาจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป โดยจะมีความหลากหลาย ปริมาณแตกต่างกันไปจากแหล่งที่มาของอาหารนั้นๆ ปัจจุบันแคลเซียมที่มีปริมาณสูงๆ จะถูกจัดไปอยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารเช่น นม นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต ชีท ผักใบเขียว ผักกาด ผักคะน้า รวมไปถึงอาหารประเภทปลา กุ้ง หรือสัตว์ขนาดเล็กที่สามารถรับประทานได้ทั้งตัวและเปลือก
จะเห็นได้ว่าแคลเซียมจากอาหารแท้จริงแล้วเราสามารถรับประทานได้หลากหลายช่องทาง แต่ข้อเสีย คือ เนื่องจากอยู่ในอาหารต่างๆ ซึ่งเราไม่สามารถทานได้หากไม่มีการแปรรูป อาจทำให้เราได้รับสารอาหารอื่นๆ ที่ไม่ต้องการ เช่น ไขมัน ความหวานของน้ำตาลจากนม หรือ ภาวะท้องอืด ท้องเสีย ในกลุ่มคนแพ้นม เป็นต้น
แคลเซียมจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีแคลเซียม คือ การสกัดอาหารรูปแบบต่างๆ ถอดในส่วนที่ไม่ต้องการ เช่น น้ำ ไขมัน จากอาหารและนำมาสกัดให้ได้แร่ธาตุแคลเซียมที่ต้องการ นำมาอัดเเน่น รวมอยู่ในรูปแบบการรับประทานที่สะดวกและทานง่าย ทั้งนี้ยังสามารถเลือกคุณภาพของแคลเซียม และ ปริมาณแคลเซียมที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน แคลเซียมในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ได้รับความนิยมมีอยู่ 3 แบบ ด้วยกันได้แก่
- Calcium ‘Carbonate’ ดูดซึมได้ 10% ท้องอืด, ท้องผูก
- Calcium ‘Citrate’ ดูดซึมได้ 50% ต้องกินพร้อมอาหาร (ทำงานได้ต่อเมื่อมีกรดในกระเพาะอาหารเท่านั้น)
- Calcium ‘L theonate’ ดูดซึมได้ 90% กินตอนท้องว่างได้ ไม่ผลกระทบหรือผลข้างเคียงมากนัก
ทำไมเราถึงควรเลือกเสริมแคลเซียม จากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
เพราะด้วยการทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียม สามารถกำหนดและควบคุมคุณภาพและปริมาณของแคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนี้คือข้อมูลความต้องการแคลเซียมในอาหารจึงแตกต่างกันออกไป ดังนี้
- อายุ < 40 ปี 800 mg / วัน = นม 3 – 4 แก้ว
- วัยทอง (~50 ปี) 1000 mg / วัน = นม 4 – 5 แก้ว
- ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์, อายุ > 60ปี 1200 mg / วัน = นม 6 – 7 แก้ว
- ผู้หญิงมีโอกาสกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนมากถึง 30 – 40% ส่วนผู้ชาย 10%
- 10 ปีแรกหลังหมดประจำเดือน กระดูกจะบางลงเร็วมาก เกิดจากการขาดฮอร์โมนเพศหญิง หรือ Estrogen การเสริม Calcium จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและป้องกันโรคกระดูกพรุน
จะดีกว่าไหมที่เราสามารถทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียมสกัดที่มีคุณภาพ สะอาดปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง ปริมาณ 600 มิลลิกรัม พลังงาน 0 แคลอรี่ เพียง 2-3 เม็ดตามด้วยน้ำเปล่า แทนที่เราได้แคลเซียมในปริมาณเท่ากัน กับการดื่มนม 3-4 แก้วที่มีทั้งน้ำตาลและไขมันเข้าสู่ร่างกาย
เพียงเท่านี้ เราก็รู้แล้วว่าเราควรรับสารอาหารจากแคลเซียมจากแหล่งที่มาไหนถึงจะดีต่อสุขภาพและต่อตัวเรามากที่สุด จริงไหมครับ